Monday 26 September 2011

ประวัติของ twitter

Twitter (มาจากรากศัพท์คำว่า tweet ที่แปลว่า เสียงนกร้อง) หมายถึง Unified Message ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็น Microblogging ที่ให้บริการเพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่าง เพื่อน ครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน สามารถเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แบบ Real Time เพื่อเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า "คุณกำลังทำอะไรอยู่" ซึ่ง Twitter ก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 2006 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาขึ้นโดย Evan Williams และ Meg Hourihan Evan Williams คือคนเดียวกับที่สร้างบริการบล็อก ที่นิยมมากที่สุดในโลก ในขณะนี้ นั่นคือ Blogger.com นั่นเอง หลายคนคงพอทราบกันนะค่ะ ว่า Blogger.com ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทเล็กๆ ที่ชื่อว่า Pyra Labs ก่อร่างสร้างตัวขึ้นตั้งแต่สิงหาคม ปี 1999

twitter

และหลังจากนั้น 3 ปี ทาง Google ก็เข้ามาขอซื้อกิจการไปในปี 2002 เพื่อไปเติมเต็มบริการ อีกทั้งขยายกลุ่มผู้ใช้ให้ได้มากขึ้น แต่ Williams ถอนตัวออกจาก Google มาร่วมงานกับ Odeo เมื่อ ปี 2004 และเมื่อไม่นานมานี้ Williams ได้ออกมาร่วมงาน กับ Obvious Corp ,ในปี 2006 ซึ่งมี Twitter เป็น Product หลักของบริษัท เป้าหมายของ Obvious Corp คือ สร้างสรรค์สิ่งที่น่าสนใจและมีความสำคัญ ต่อโลก Meg Hourihan คือผู้ร่วมก่อตั้งอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นคู่หูของ Evan Williams นั่นเอง ภาพพจน์ของเธอก็ยังเป็นบล็อกเกอร์ อยู่ต่อไป และตอนนี้เธอก็แต่งงานแล้วกับ Jason Kottke ซึ่งนับแล้วก็เป็นบล็อกเกอร์เหมือนกัน ทั้งสองเคยเป็นบุคคลแห่งปี ที่ทาง PC Magazine มอบให้ในปี 2004 และตอนนั้นเอง

ค.ศ. 2009 ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก จนนิตยสาร “ไทม์” ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2009 ได้นำเอาทวิตเตอร์ขึ้นปก เป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ และบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าว ที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่างทวิตเตอร์ “บริการของ Twitter นั้น ถึงจะเป็นแค่บริการเล็กๆ แต่ตอนนี้ บริการเล็กๆ ที่ว่านี้ ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สานต่อจากการเป็นบล็อกเกอร์แค่คนๆหนึ่งจริงๆ”


ที่มาของภาษาไทย

"อักษรไทย"สร้างตัวตน ความเป็น"คนไทย"

เริ่มจากอักษรของชมพูทวีป ส่งแบบแผนให้เกิดอักษรทวารวดี จนมีพัฒนาการเป็นอักษรขอม อักษรมอญ อักษรกวิ ในที่สุดก็ส่งแบบแผนอีกทอดหนึ่งให้เกิดเป็นอักษรไทย ส่งผลให้เกิดมีตัวคนความเป็น "คนไทย" ขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจากรัฐละโว้ไปเป็นรัฐอโยธยา เมื่อราวหลัง
พ.ศ.๑๗๐๐ อักษรไทย ได้จากอักษรขอม (เขมร) รัฐละโว้ (ลพบุรี) เกือบทั้งหมด แต่มีบางตัวอักษรได้จากมอญบ้างและประดิษฐ์ขึ้นใหม่บ้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนเสียงพูดภาษาไทยที่ไม่มีในภาษาอื่น


"ขอม" เมืองละโว้

ละโว้เป็นรัฐประชาชาติ ที่มีประชากรหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ตั้งหลักแหล่งกระจัดกระจายปะปนอยู่ด้วยกันแล้วล้วนเป็น "เครือญาติ" กันทางสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะเป็น เครือญาติชาติภาษา เพราะในยุคนั้นภาษายังร่วมกันใกล้ชิดกว่าทุกวันนี้จนแยกไม่ได้แน่นอนเด็ดขาดอย่างปัจจุบัน
ประชากรรัฐละโว้นับถือศาสนาต่างกันอย่างน้อย ๓ ศาสนา คือ ศาสนาผี เป็นของพื้นเมืองดั้งเดิม ศาสนาพราหมณ์ กับ ศาสนาพุทธ รับจากชมพูทวีป (อินเดีย) เฉพาะศาสนาพุทธ ครั้งนั้นกำลังยกย่องนิกาย มหายาน ที่มีต้นแบบอยู่เมืองพิมาย (เมืองนครธมก็ได้แบบไปจากเมืองพิมายด้วย) ซึ่งล้วนสร้างศาสนสถานด้วย หิน ที่เรียกภายหลังว่าปราสาทหิน เช่น ปราสาทหินพิมาย เป็นฝ่ายพุทธมหายาน
คนสมัยต่อมาที่นับถือพุทธเถรวาท มีความทรงจำเรียกพวกนับถือพราหมณ์กับมหายาน เมืองละโว้ อย่างรวมๆ ว่า "ขอม" ทั้งหมด โดยไม่ได้จำแนกกลุ่มชาติพันธุ์หรือชาติภาษา มีหลักฐานเก่าสุดอยู่ในจารึกวัดศรีชุม (เมืองสุโขทัย) ซึ่งเป็นจารึกภาษาไทยเก่าสุดของรัฐสุโขทัยในคำว่า "ขอมเรียกพระธม" กับชื่อ "ขอมสบาดโขลญลำพง"


อักษรขอม ก็คืออักษรเขมร

เมื่อเรียกชาวละโว้ลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ขอม เลยเรียกตัวอักษรที่ชาวละโว้ใช้ทางศาสนาว่า อักษรขอม ด้วยศาสนากับอักษรเป็นสิ่งคู่กัน เพราะอักษรใช้ในงานศาสนา ฉะนั้น อักษรจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งของคนยุคนั้น ผู้รู้อักษรก็เป็นบุคคลพิเศษ ได้รับการยกย่องเป็น "ครู" เสมอนักบวชหรือผู้วิเศษ ถึงขนาดมีอาคมบันดาลสิ่งต่างๆ ได้ คนในตระกูลไทย-ลาวสมัยก่อนๆ ยกย่องผู้รู้อักษรขอมว่า "ครูขอม" การลงคาถาอาคมที่เรียกว่า "ลงอักขระ" ตามสิ่งต่างๆ ต้องใช้อักษรขอม ก็คืออักษรเขมรนั่นเอง ยังใช้อย่างยกย่องสูงยิ่งสืบถึงปัจจุบัน ดังที่ จิตร ภูมิศักดิ์ อธิบายในหนังสือเกี่ยวกับชนชาติ ขอม
อักษรขอมไทย เขียนคำภาษาไทย ด้วยอักขรวิธีไทย ลงบนสมุดไทย เป็นตำรับตำรากฎหมายและวรรณคดีต่างๆ นี่เอง นานเข้าก็วิวัฒนาการเป็นตัวอักษรอีกแบบหนึ่ง ที่เรียกกันภายหลังว่าอักษรไทย ดังจะเห็นรูปอักษรบางตัวยังเป็นอักษรเขมร เช่น ฎ ฏ ฐ ฑ ณ ญ เป็นต้น รวมทั้งเลข ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ก็ได้จากเลขเขมรชัดๆ

"อักษรไทย" มาจากอักษรขอม (เขมร)

อักษรไทย ไม่ได้เกิดจากปาฏิหาริย์การประดิษฐ์คิดค้นของใครคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดมีขึ้นในปีหนึ่งปีใดเพียงปีเดียว แต่ อักษรไทย ต้องเกิดจากความจำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งในสังคม ด้วยพลังผลักดันของศาสนา-การเมือง และวัฒนธรรมของสังคมในสยามประเทศเป็นระยะเวลายาวนานมาก่อนเป็นอักษรไทย โดยวิธีดัดแปลงจากอักษรที่มีอยู่ก่อนและใช้กันมาก่อนอย่างคุ้นเคย
ถ้านับจากอักษรไทย ย้อนกลับไปหารากเหง้า จะพบว่าได้แบบจากอักษรเขมรที่เรียก "อักษรขอม" ย้อนกลับไปเก่ากว่าอักษรขอมจะพบอักษรทวารวดี อักษรปัลลวะทมิฬ ตามลำดับ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นแบบให้มีอักษรไทยขึ้นที่รัฐละโว้ บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อราวหลัง พ.ศ.๑๗๐๐
อักษรขอมเขียนภาษาไทย ต้องใช้อย่างกว้างขวางและใช้อย่างคุ้นเคยอยู่นานนับร้อยๆ ปี ถึงเริ่มปรับใช้ให้เป็นของตัวเองเพื่อถ่ายเสียงสัญลักษณ์ตามเสียงที่ใช้ในภาษาประจำวันอย่างแท้จริง ส่วนใดที่ไม่มีในอักษรขอมก็คิดเพิ่มเติมเข้ามา แต่สิ่งที่ใช้จนเคยชินแล้วก็คงรูปเดิมไว้ เช่น ฎ ฏ ฐ และ ญ เป็นต้น จะเห็นว่ารูปอักษรยังมีเชิงและศกอย่างอักษรขอมติดมา ยิ่งเลข ๑ ถึง ๙ ได้จากเลขขอมหรือเลขเขมรชัดๆ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรียกกันต่อมาว่าอักษรไทย

อักษรไทยจากละโว้ขึ้นไปสุโขทัย

อักษรไทยที่มีอักษรขอมเป็นรากฐานสำคัญ คงใช้เวลาวิวัฒนาการอยู่นานพอสมควรกว่าจะได้รูปแบบลงตัวเป็นที่ยอมรับทั่วไป รวมทั้งต้องเอาแบบจากอักษรอื่นๆ มาเพิ่มพูนด้วย เช่น อักษรมอญ ลังกา เป็นต้น จากนั้นก็ค่อยๆ แพร่หลายจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นไปถึงบ้านเมืองห่างไกล เช่น ขึ้นไปทางรัฐสุโขทัยทางลุ่มน้ำยม-น่าน ดังมีร่องรอยความทรงจำอยู่ใน พงศาวดารเหนือ เรื่องพระร่วงอรุณกุมารเมืองสวรรคโลก ทำพิธีลบศักราชแล้ว "ทำหนังสือไทย" ด้วย
บ้านเมืองแว่นแคว้นหรือรัฐต่างๆ ที่มีอยู่ร่วมยุคร่วมสมัยรัฐละโว้ ต่างยอมรับความรุ่งเรืองทางศิลปวิทยาการของเมืองละโว้ มีพยานสนับสนุนเรื่องนี้อีกในพงศาวดารโยนกกล่าวว่า พญางำเมืองแห่งเมืองพะเยา "ครั้นชนมายุได้ ๑๖ ปี ไปเรียนศิลปในสำนักพระสุกทันตฤาษี ณ กรุงละโว้อาจารย์คนเดียวกับสมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย"
ร่องรอยและหลักฐานทั้งหมดนี้ย่อมสอดคล้องกับวิวัฒนาการของอักษรไทยที่มีขึ้นบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะทางรัฐละโว้-อโยธยาศรีรามเทพ แล้วแพร่หลายขึ้นไปทางลุ่มน้ำยม-น่าน ที่เป็นรัฐสุโขทัย จึงทำจารึกคราวแรกๆ ขึ้น คือจารึกวัดศรีชุม อันเป็นเรื่องราวทางศาสนา-การเมืองของพระมหาเถรศรีศรัทธาฯ นั่นแล


อักษรไทย และคนไทย

ตัวอักษร ทำให้เกิดลักษณะเฉพาะร่วมกันของผู้คนชนเผ่าต่างๆ ขึ้น แล้วเกิดรวมตัวกันมากขึ้นเรียกต่อมาว่า ชนชาติ ราวหลัง พ.ศ.๑๕๐๐ มีชื่อสมมุติเรียกตัวเองต่างๆ กันว่า มอญ เมื่อมีตัวอักษรมอญ กับ เขมร เมื่อมีตัวอักษรเขมร
อักษรไทยวิวัฒนาการจากอักษรขอม เมื่อราวหลัง พ.ศ.๑๗๐๐ บริเวณที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาในรัฐละโว้-อโยธยา แล้วแพร่หลายขึ้นไปถึงรัฐสุโขทัยก่อน หลังจากนั้นได้กระจายไปยังบ้านเมืองแว่นแคว้น "เครือญาติ" ในตระกูลไทย-ลาวอื่นๆ

คำที่ออกเสียงว่า ไท หรือ ไต มีอยู่ก่อนแล้วในกลุ่มชนที่พูดตระกูลภาษาลาว หรือ "ตระกูลลาว" (ชื่อนี้ก็สมมุติเรียกกันภายหลัง) แล้วมีความหมายเดียวกันหมดว่าคน (ที่ต่างจากสัตว์) ชนกลุ่มนี้เป็นประชากรตั้งหลักแหล่งอยู่ร่วมกับชนกลุ่มอื่นๆ บริเวณที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ราว ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว เมื่อได้รับอารยธรรม "ทวารวดี" ต่อเนื่องถึงอารยธรรมมอญและเขมร จนเติบโตขึ้นเป็นชนชั้นปกครองในรัฐละโว้-อโยธยา แล้วพัฒนาตัวอักษรของตัวเองขึ้นมา เลยสมมุติชื่อเรียกกลุ่มของตนว่า "ไทย"
อาจเป็นไปได้ว่าคนกลุ่มอื่นเรียกคนกลุ่มนี้ตามคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วว่าไทหรือไต แต่เขียนเป็นอักษรขอม ภาษาบาลีว่า ไทย ต่อมาคนกลุ่มนี้เลยรับไว้เป็นชื่อเรียกตัวเองไปด้วย ดังมีชื่อในวรรณคดียุคต้นๆ เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ ตอนกาพย์เบิกโรง ยังเขียนว่า ไท ไม่มี ย ตามหลัง
น่าสังเกตว่าพวกที่รับตัวอักษรไทยจากรัฐละโว้-อโยธยา มักเรียกตัวเองว่าเป็นคนไท หรือไทย เช่น รัฐสุโขทัย แต่ดินแดนอื่นรัฐอื่นที่รับตัวอักษรจากที่อื่นจะไม่เรียกตัวเองเป็นคนไทหรือไทย เช่น รัฐล้านนากับรัฐล้านช้าง รับตัวอักษรมอญไปปรับใช้ เรียกตัวเองว่าลาว หมายถึงท่านหรือผู้เป็นใหญ่ แต่รัฐล้านนาถูกทำให้เป็นไทยเมื่อหลังแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ แล้วถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ส่วนรัฐล้านช้างยังเป็นคนลาวและประเทศลาว สืบจนทุกวันนี้


แหล่งอ้างอิง : อ่านแผ่นดินท้องถิ่นเรา โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๓๒๒ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๘

Saturday 17 September 2011

ต่อด้วย

เงื่อนไขการซื้อเฉาก๊วยในตลาดปรีชา จ.อุดรธานี



กำลังตั้งใจขายเลย แต่ป้ายข้างหลังอะไรหว่า

กรุณาอ่านกติกา มารยาทในการซื้อ ก่อนที่ท่านจะสั่ง
ดูด้านหลังคนขายบ้าง

ก็เห็นใจครับ คนตั้งใจขาย ก็อยากให้มีคนตั้งใจซื้อ

มีกำหนดช่วงเวลาไม่รับแบงค์ใหญ่ด้วยนะครับ

อยากได้รสชาดไหนก็บอก จัดให้

ขณะที่สั่งสินค้า กรุณา...งดคุยโทรศัพท์ เวรล่ะ คุยอยู่พอดี อิอิ

มีเงื่อนไขมากมายแต่ก็มีคนต่อคิวนะจ๊ะ


ใครได้แวะไปชิมมากแล้วก็บอกบ้างนะ ว่าอร่อยมั้ย

แต่เค้าคงขายดีแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่มีกฏมากมายแบบนี้ ป้องกันลูกค้าเรื่องมาก

เหมือนสร้างวินัยให้ลูกค้าไอเดียสุดยอด!!!!

บุปเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นค่าาาาาาาาา

ร้าน ‘ อินาโฮ (INAHO) ‘ นั่นเองจ้า

ภาพบริเวณหน้าร้านอินาโฮ


ทางร้านจะเปิดให้บริการอยู่ 2 ช่วงเวลา คือ 11.00-14.00 และ 17.00-22.00 น. ในแต่ละช่วง สามารถจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบตามสั่ง หรือ บุฟเฟ่ต์ ซึ่ง ถ้าเป็นบุฟเฟ่ต์ กลางวัน จะตกอยู่ที่คนละ 300- ส่วน เย็น 350- ราคานี้ net แล้ว และมีชาเขียวให้เป็นเหยือกเลยค่ะ

ถ้าเพื่อนที่มาทานด้วยกัน จะไม่ทานบุฟเฟ่ต์ ก็สามารถนั่งรวมกับคนที่ทานบุฟเฟ่ต์ได้ค่ะ

การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี สีลม ออกทางออกที่เขียนว่า รร.ดุสิตธานี แล้วเดินมาทางตึกอื้อจื่อเหลียง เลยไปอีก จะเห็น โชว์รูมมาสด้า ตึกนี้จะถึงก่อนค่ะ

ถ้าไม่อยากเดินไกล ก็นั่ง taxi มา หรือจะขับรถมาก็ไม่ว่ากัน เพราะมีที่จอดรถอยู่หน้าตึก ซึ่งมักจะเต็ม….แล้วถ้าไปจอดตึกอื้อจื่อเหลียง ก็ชม.ละ 50- ดังนั้น นั่ง taxi มาดีกว่านะคะ ^^

ถ้าเข้ามาในตึกแล้ว ต้องขึ้นบันไดมาชั้น 2 ค่ะ จะเจอหน้าร้านแบบนี้


บรรยากาศในร้านอีกหน่อย


ข้าวปั้น กับ ข้าวห่อสาหร่าย


hutpaza-inaho17

ข้อมูลและภาพจากก

http://www.hutpaza.com/index.php/2009/02/buffet-japanese-rama4-inaho/

Friday 16 September 2011

ภาษาวัยรุ่นอเมริกันเมื่อเห็นด้วย



ไม่รู้ว่ามันมีที่มาจากไหนนะ แต่เดี๋ยวนี้ผมก็ติดตามวัยรุ่นฝรั่งเขาอยู่บ้างว่า เด็ก(มะกัน) สมัยนี้ มันเป็นยังไงบ้าง

เพราะเด็กพวกนี้ก็มีแสลงของพวกเขามาใหม่ๆ

แล้ว แหม ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเพลงไทยก็ใส่คำพวกนี้มาด้วย เพราะเมื่อเช้าได้ยินเพลงไทยเพลงหนึ่ง ผมไม่รู้ชื่อเพลง และไม่แน่ใจว่านักร้องคือใคร ใช่ เฟย์ฟางแก้ว อะไรกลุ่มนั้นหรือเปล่าไม่รู้ ใครรู้ยืนยันให้ด้วย

เห็นมีเสียงร้อง เป็นแบคกราวด์อยู่คำหนึ่ง เวิ้ด ๆ ๆ.. อยู่นั่น

ไม่รู้เขาหมายถึง Word คำนี้หรือเปล่า

นั่นแหละ Word ที่แปลว่าคำ หรือ คำพูดนั่นแหละ

+---------------------------------------------+

2

ผมคิดว่าวัยรุ่นพวกนี้ มันไปวิบัติภาษา มาจากคำว่า What's up? กลายเป็น Word up?

แล้วต่อมาก็ใช้แปลว่า Yes หรือ Really แทนได้ด้วย

คนอ่าน: Word?

จริงเหรอ

จขบ: Word.

จริงครับ

+---------------------------------------------+

3

นอกจากนี้ คิดว่าวัยรุ่นที่เก่งภาษาฮิพฮอพหลายคน คงจะรู้จักคำๆนี้กันอยู่แล้ว
คือคำว่า

Fo shizzle (โฟ ชี้ส- เซิ้ล)

กับ

Fo rizzle

คำๆนี้ ก็มาจาก แสลงแบบวัยรุ่นอีกที จากคำว่า

For sure กับ For real..

ทั้งหมดนั่น ใช้แทนคำว่า Really? หรือ Yes ได้หมดเลยครับ

ถ้าให้เพิ่มความแนวๆ มันมีคำพ้องเสียงที่ใช้แทนคำว่า เพื่อน หรือ เกลอ ด้วยคำว่าDizzle อีกครับ

เช่น

Fo shizzle, ma dizzle

แน่นอนเลยเพื่อน

+---------------------------------------------+

4

เสริมได้อีก คำนี้ผมก็ได้ยินจากเพลง Dilemma ของ Nelly

คือคำว่า Fo sho

อ่านว่า โฟ โช

ย่อมาจาก For sure
ซึ่งก็แปลว่า ใช่ และ จริง เหมือนกัน

+---------------------------------------------+

5

สมัยก่อน ผมก็อยากทำตัวเหมือนเป็นวัยรุ่นกับเขาเหมือนกันนะครับ

เวลา จะพูดว่า OK โอเค

มันอาจไม่แนวเท่าไหร่

ผมเลยติดพูดคำว่า

Aight

แทน เป็นการรวมคำว่า All right มาให้กลายเป็นพยางค์เดียวแบบนี้ มันจะ แนวๆ สำหรับวัยรุ่นเลย

+---------------------------------------------+

6

เขียนเอนทรี่ ก็หวนรำลึกเมื่อสมัยเป็นนศ.เอแบค ชอบโดนครูภาษาอังกฤษคนหนึ่ง ติประจำ ไม่ให้พูดว่า Yep หรือ Yup และ Yeah แทนคำว่า Yes
หรือ Nope, Nye แทนคำว่า No

ครูแก จะหันมาเน้น บอกให้พูด Yes และ No ให้ถูกต้องด้วย

ครูคนอื่นไม่เห็นเรื่องมากแบบแกเลย

จริงไหม?

Word?


NASA ปิดข่าว

เพราะกลัวว่าถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่มะ

โลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย

เค้าเลยปิดเป็นความลับ (เฮอๆดีเน้อ) แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่นข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

ข่าวใหม่ล่าสุด 23 พ.ค. 2552 ช่อง 11 (4 ทุ่ม) มีการคุยเรื่อง ภัยพิบัติล้างโลก 2012 อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้วชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง

อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA

ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

เพื่อสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด)

"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้

โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้น

จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน

และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว

แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก

อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว

(แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)

"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง

ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต"

ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012

(มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด)

"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ

"อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ
ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ

“โดมิโน’ส พิซซ่า” ประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าอัดแคมเปญทางการตลาด ประกาศเปิด “ร้านพิซซ่าบนดวงจันทร์” เป็นเจ้าแรก ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนเป็นจำนวนมหาศาลถึง 1.67 ล้านล้านเยน (ราว 6.5 แสนล้านบาท)



& รูปไม่ได้โม้ ! โดมิโน’ส พิซซ่า...เล็งเปิดสาขาบนดวงจันทร์

http://youtu.be/b0DfVyLE3V0