Saturday 26 November 2011

รู้ไหม? กินขนมปังปิ้งทำให้แก่ไว

อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาหารมื้อแรกของวันสักเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะความเร่งรีบและต้องแข่งขันกับเวลา ทำให้อาหารเช้าที่ความจริงแล้วจะต้องเปี่ยมไปด้วยสารอาหาร ถูกลดทอนความสำคัญให้เหลือเพียงแค่ "ขนมปังปิ้ง" เท่านั้น ...
ด้วยความรวดเร็วและง่ายในการรับประทาน ขนมปังจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด ... แต่ทราบรึเปล่าว่า จริงๆ แล้วการรับประทานขนมปังบ่อยๆ เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราก็ได้

จะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่า การที่เรารับประทานขนมปังปิ้งบ่อยๆ ติดต่อกัน จะทำให้เราแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว และเป็นโรคเรื้อรังขึ้นได้

เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหม? กินขนมปังปิ้งทำให้แก่ไว

ข้อเท็จจริงนี้ถูกยืนยันโดย โจเซฟีน ฟอร์บส์ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันโรคหัวใจและเบาหวาน ไอดีไอ ที่ ได้ทำการศึกษาอาหารสามัญต่างๆ ตั้งแต่ขนมปังปิ้ง ครัวซองต์ ว่าขนมปังเหล่านั้นสามารถก่อสารเคมี ซึ่งกำลังเป็นที่สงสัยกันว่าทำให้เราแก่ลงได้อย่างรวดเร็ว และเป็นโรคเรื้อรังได้ โดยสารเคมีนั้นมีชื่อว่า เอจีอีส์ อยู่ในอาหาร นับตั้งแต่อาหารที่มีเนื้อสัตว์บดละเอียด ไปจนถึง เครื่องดื่มอัดลมและกาแฟ

แล้วทราบรึเปล่าว่าการที่มีสารเอจีอีส์ สะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไปจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายของเรา ... เชื่อเถอะว่าคาดไม่ถึงแน่ๆ เพราะสารเคมีเอจีอีส์นั้นจะให้เราสามารถเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคผิวหนังเหี่ยวย่นซึ่งผิวที่มีอายุก็จะเหี่ยวย่นและมีการสะสมของเม็ดสี ทั้งนี้อาหารที่อาจก่อนให้เกิดสารเคมีเหล่านี้ได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแปรรูปที่มีปริมาณน้ำตาลหรือปริมาณไขมันสูง และผ่านการปิ้ง ย่าง หรือการทอดด้วยอุณหภูมิสูง

     เพิ่งรู้เหมือนกันนะคะว่ามีสารเคมีชนิดนี้อยู่ในขนมปังปิ้งด้วย ... แบบนี้เราคงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเช้าให้มากขึ้นซะแล้วล่ะ ขึ้นปล่อยให้ตัวเองมีนิสัยกินง่าย อยู่ง่าย เอาสะดวกสบายเข้าว่ามากเกินไป เราอาจจะต้องมานั่งรักษาโรคที่เกิดขึ้นจากสารเคมีที่สะสมอยู่ในร่างกายของเราก็ได้

ผู้สร้าง "อาหารกระป๋อง" ขึ้นมาคนแรก คือ...

ถ้าเอ่ยถึง “อาหารกระป๋อง” หลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะในปัจจุบันนั้นมีการผลิตอาหารประเภทชนิดนี้ออกมาหลากหลายทั้ง ปลากระป๋อง, ผักกาดดองกระป๋อง, ปลาทูน่ากระป๋อง, ลำไยกระป๋อง ฯลฯ แล้วเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า อาหารกระป๋องนั้นถูกผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อใหร่ ถ้าสงสัยกันล่ะก็ วันนี้พี่ปัดมีคำตอบมาบอกแล้ว
เด็กดีดอทคอม :: ผู้สร้าง "อาหารกระป๋อง" ขึ้นมาคนแรก คือ...

อาหารกระป๋อง คือ อาหารที่ได้รับการแปรรูปและผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียที่จะทำให้อาหารเน่าเสียถูกกำจัดทิ้งไป หลังจากนั้นจึงนำไปบรรจุในกระป๋องหรือถุงที่มีสุญญากาศแล้วปิดให้สนิท

การผลิตอาหารกระป๋องครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในปี ค.. 1804 เมื่อ “จักรพรรดินโปเลียนที่ 1” ได้สั่งให้พ่อครัวที่ชื่อ “นิโคลัส ฟรองชัวร์ อัปแปร์ต” ไปคิดค้นวิธีการเก็บอาหารให้อยู่ได้นานๆ เพื่อใช้เป็นเสบียงอาหารให้แก่ทหารในช่วงสงคราม โดยในช่วงแรกนั้นอาหารจะถูกบรรจุลงในขวดและใช้จุกไม้ปิด ต่อมาในปี ค.. 1810 นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษที่ชื่อ “ปีเตอร์ ดูรันด์” ได้คิดและพัฒนากระป๋องโลหะที่สามารถนำอาหารมาบรรจุและผนึกปิดฝาได้ขึ้นมา ซึ่งรูปแบบกระป๋องแบบนี้ก็ถูกนำมาใช้จนในปัจจุบันนี้ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าอาหารกระป๋องที่เราเห็นเป็นประจำนั้นจะถูกผลิตขึ้นมานานกว่า 200 ปี แล้ว







จะเกิดอะไรขึ้นหากวิตามินซีในร่างกายไม่พอดี

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวิตามินซีในร่างกายไม่พอดี
โดยทั่วไป ร่างกายของคนปกติมีความต้องการวิตามินซี อยู่ที่ประมาณ 60-90 มิลลิกรัม/วัน หากรับประทานวิตามินซีมากหรือน้อยกว่าจำนวนดังกล่าว อาจทำให้เกิดอันตรายตามมาดังนี้
เด็กดีดอทคอม :: จะเกิดอะไรขึ้นหากวิตามินซีในร่างกายไม่พอดี
อันตรายจากขาดวิตามินซี

มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย เลือกออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก เป็นแผลหายช้า เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบ และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ จะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้าว่าปกติ

เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย คุณสมบัติพิเศษอีกประการของวิตามินซี คือ เป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็ง และช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าร่างกายขาดวิตามินซี จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง และทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย

เป็นโรคลักปิดลักเปิด ในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซี น้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม อาจทำให้เป็นโรคลักกะปิดลักเปิดได้ ทั้งนี้หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติ อาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจาง และมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้

เด็กดีดอทคอม :: จะเกิดอะไรขึ้นหากวิตามินซีในร่างกายไม่พอดี
อันตรายจากการกินวิตามินซีมากเกินไป

เกาต์ เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซีในปริมาณมาก จะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็ก ตามกระดูกข้อต่อต่างๆ มากขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ในที่สุด

นิ่วในไต นอกจากนั้นการกินวิตามินซีมากเกินไป อาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซิลิเนียม ซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้ อีกทั้งในคนปกติหากได้รับ เกินกว่าวันละ10,000มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้
        วิตามินซีนั้นสำคัญต่อร่างกายของคนแค่ไหน อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีให้เพียงพอต่อร่างกาย

เครื่องสำอางของคุณ หมดอายุหรือยัง?

สำหรับสาวๆ แล้ว "เครื่องสำอาง" เป็นเหมือนขนมหวาน เห็นเป็นไม่ได้จะต้องเข้าไปซื้อไปดู ก็เหมือนที่พี่โน้ส อุดม นม อุโดส เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า มีก็มีแค่ปากเดียว จะซื้อลิปสติกไปทำอะไรนักหนาเยอะแยะ ชาตินี้จะทาหมดรึเปล่าก็ไม่รู้
แหม ก็ของแบบนี้มันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของผู้หญิงใช่รึเปล่าล่ะคะ ... น้องๆ บางคนซื้อเครื่องสำอางเพลินจนพอมารู้สึกตัวอีกทีก็มีเครื่องสำอางเต็มโต๊ะไปหมดแล้ว จนบางครั้งเราเผลอเก็บเครื่องสำอางเอาไว้นานจนเราลืมไปแล้ว พอค้นเจออีกทีหาดูวันหมดอายุก็หาไม่เจอ จำก็ไม่ได้ว่าซื้อมาตอนไหน จะให้ทิ้งไปก็เสียดาย


จุ๊ จุ๊ จุ๊ ความเสียดายนั่นแหละค่ะคือต้นต่อของอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสาวๆ ... เชื่อเถอะค่ะว่าในโต๊ะเครื่องสำอางของเรามีเครื่องสำอางที่อาจจะหมดอายุแล้ววางอยู่มากมายเต็มโต๊ะ หรือบางครั้ง เครื่องสำอางบางชิ้นก็ไม่ได้ระบุวันหมดอายุเอาไว้ด้วยซ้ำ
น้องๆ ทราบรึเปล่าคะว่า การใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุการใช้งานนั้น มีอันตรายมากกว่าที่เราคิดไว้ เพราะเครื่องสำอางที่หมดอายุการใช้งานแล้วนั้นถือว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโลกชั้นดี เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียมากมาย ... บางครั้ง อาจจะเป็นสิวโดยที่หาสาเหตุไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะคะว่าต้นตอปัญหาที่แท้จริงแล้วอาจจะมาจากเครื่องสำอางที่หมดอายุการใช้งานแล้วก็ได้






วิธีการดูว่าเครื่องสำอางหมดอายุหรือยังนั้น น้องๆ สามารถสังเกตได้ 2 วิธีค่ะ คือการดมกลิ่น และการดูที่เนื้อครีม

การดมกลิ่น ถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดค่ะ วิธีง่ายๆ ในการสังเกตว่าเครื่องสำอางหมดอายุคือ เวลาที่เราซื้อเครื่องสำอางมาใหม่ ให้เราลองดมกลิ่นดูว่ากลิ่นเป็นยังไง หลังจากนั้นก่อนจะจนหมดก็ให้ลองดมดูก่อนเพื่อนเปรียบเทียบกันว่ากลิ่นเปลี่ยนไปรึเปล่า โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เมื่อหมดอายุแล้วจะมีกลิ่นเหม็นหืน

ส่วนเครื่องสำอางที่เป็นเนื้อครีม ให้น้องๆ สังเกตว่าถ้ามีการแบ่งตัวของเนื้อครีมและผลิตภัณฑ์ หรือมีเม็ดเหงื่อขึ้นแล้ว เราไม่ควรนำมาใช้ต่ออีก เพราะว่าเม็ดเหงื่อที่เราเห็นคือไขมันที่แตกตัวออกจากเนื้อครีมค่ะ ทิ้งลงถังขยะไปโลดค่ะ ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด
นอกจากนี้แล้วเรื่องของการคำนวณระยะเวลาในการใช้ก็เป็นสามารถใช้เป็นสิ่งที่บอกวันหมดอายุได้เช่นกัน

สำหรับเครื่องสำอางประเภทที่ใช้บริเวณดวงตา เช่น อายชาโดว์ อายไลเนอร์ มีระยะเวลาหลังจากที่เปิดใช้แล้วประมาณ 3 - 6 เดือน เพราะเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปสะสมอยู่ในเครื่องสำอางเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารกันบูดก็อาจไม่สามารถยับยั้งแบคทีเรียดังกล่าวได้ ซึ่งแบคทีเรียนี้อาจเป็นที่มาของโรคตาแดงได้ด้วย
ส่วนแป้งและรองพื้นควรจะทิ้งเมื่อเปิดใช้แล้วประมาณ 1 ปี เพราะหากนานกว่านั้นเมื่อนำมาใช้อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง เกิดเป็นจุดแดงเล็กๆ คล้ายสิว และอุปกรณ์แต่งหน้าก็ควรเปลี่ยนบ่อยๆ อย่างเช่นฟองน้ำที่ใช้ทารองพื้นควรเปลี่ยนหรือซักอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง

ลิปสติกก็เป็นเครื่องสำอางอีกชิ้นที่หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าเราไม่ควรใช้ร่วมกับคนอื่นที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การใช้ลิปสติกร่วมกันผู้อื่นนั้นอาจทำให้เราติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคเริมได้
สำหรับอายุการใช้งานของลิปสติกนั้น ให้เราสังเกตว่าถ้าเริ่มมีเหงื่อหรือมีหยดน้ำเกาะที่เนื้อไม่ควรใช้แล้วนะคะ การใช้พู่กันทาปากจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้มากขึ้น แถมยังเป็นการช่วยลดการสัมผัสระหว่างผิวกับเครื่องสำอางโดยตรง เพราะความร้อนและแบคทีเรียจากร่างกายจะส่งผลให้เครื่องสำอางหมดอายุเร็วขึ้น





Thursday 24 November 2011

เยียวยาผิวด้วยผักและผลไม้


ถ้าคุณมีปัญหาสิวที่ไม่ยอมหายง่าย ๆ




คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เพราะจะทำให้ผิวไวต่อการอักเสบมากขึ้น ฉะนั้น ในช่วงที่สิวยังไม่หายนี้คุณก็ควรเลือกกินผลไม้ที่ไม่ค่อยมีน้ำตาลอย่าง ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ และธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี



ถ้าคุณมีปัญหาผิวแห้ง



คุณก็ควรกินอาหารที่กรดไมันโอเมก้า-3 ในปริมาณสูง อย่างเช่น ผลไม้เปลือกแข็ง ปลาแซลมอน ถั่วเหลือง เพราะจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวของคุณได้ แถมผู้เชี่ยวชาญในเรื่องอาหารยังบอกอีกด้วยว่า อาหารพวกนี้ช่วยลดความเครียดให้คุณได้ด้วย



ถ้าคุณเผลอบีบสิว (ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรเผลอบ่อย ๆ)



คุณก็ควรทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของชาเขียว น้ำมันที-ทรี หรือสารสกัดจากชะเอม เพราะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และช่วยให้รอยแดง ๆ จากการบีบสิวจางลงได้



ถ้าคุณมีผื่นคันเกิดขึ้นตามร่างกาย



ก็ลองบดแตงกวาที่ปลอกเปลือกออกแล้วให้ละเอียด แล้วทาลงบนผิวในบริเวณที่มีปัญหา ปล่อยทิ้งไว้ซักประมาณสองสามนาที เพื่อช่วยขจัดรอยแดง ๆ และอาการระคายเคืองออกไป