Sunday 22 January 2012


***Word of the Year (คำแห่งปี)***
- ‘Occupy’ (ยึด / ยึดครอง)
occupy (อ็อกคิวพาย) กลายเป็นคำที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี 2011 สืบเนื่องมาจากปรากฏการณ์ Occupy Wall Street (ยึดวอลสตรีท) ที่มวลชนอเมริกันเข้ายึดพื้นที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เพื่อต่อต้านความอยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการลุกฮือปลดแอกในโลกอาหรับ และต่อมาขบวนการประท้วง Occupy นี้ก็ได้แพร่ขยายลุกลามไปทั่วโลก



ซึ่งถ้าวิเคราะห์หาจุดร่วมของ Occupy แล้ว ก็จะพบว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นผลพวงมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นภายใต้ระบอบทุนนิยม โดยเฉพาะสำหรับประเทศต้นแบบอย่างอเมริกาเองนั้นถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ในท่ามกลางสภาวะที่ประชาชนจำนวนมากกำลังตกงาน และรู้สึกว่าตนไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐนั้น แต่ในทางกลับกัน บรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ล้มละลายกลับได้รับการอุ้มชูจากรัฐอย่างดี นักการเมืองเอาเงินภาษีของประชาชนมาช่วยใช้หนี้ให้อภิมหาเศรษฐีได้ล้มบนฟูก ทั้งที่บรรษัทเหล่านี้ หลายแห่งมีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทั้งปั่นหุ้น คอรัปชั่น ประเด็นเหล่านี้ได้สร้างความโกรธเคืองให้แก่ประชาชน

- FOMO (กลัวตกเทรนด์ / กลัวตกข่าว / กลัวพลาด)
FOMO (โฟโม่) ย่อจากคำว่า Fear Of Missing Out เป็นอีกคำหนึ่งที่ฮิตมากในปี 2011
แต่เดิม FOMO หมายถึง การ ‘กลัวพลาด’ – ปาร์ตี้หรือกิจกรรมเจ๋ง ๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกเสียดายในภายหลัง
แต่ในปี 2011 FOMO ถูกนำมาใช้แพร่หลายในโลกโซเชียลมีเดีย โดยสื่อถึง การกลัวตกกระแส ตกเทรนด์ – จากข้อมูลข่าวสารในโลกไซเบอร์ที่มีอยู่เยอะแยะเสียจนตามกันไม่หวาดไม่ไหว (ลองหายไปสักวัน ก็เสพย์ไม่ทันเสียแล้ว ฮ่าๆ)



***Most Useful (คำที่มีประโยชน์ที่สุด)***
- ‘humblebrag’ (ถล่มตัว / ถ่อมตัวแบบเว่อร์ ๆ)
humblebrag (ฮัมเบิล-แบร็ก) แปลความหมายคือ “ถ่อมตัวไปพลางโม้ไปพลาง”
เป็นคำที่ฮิตติดลมบนใน Twitter โดยมักจะใช้พาดพิงถึงคำพูดของเหล่าซุปตาร์และซีเล็บทั้งหลาย ที่บางครั้งดูเหมือนจะพูดถ่อมตัว แต่ก็เผลอหลุดโวหรืออวยตัวเองไม่ได้ (พูดง่าย ๆ ก็คือ “ถ่อมตัวได้ไม่เนียน” ฟังแล้วมันออกแนวเว่อร์ ๆ นั่นล่ะครับ ทำให้คนฟังรู้สึกหมั่นไส้มากกว่าจะชื่นชม)


>>>ทีนี้เรามาดูตัวอย่างการ humblebrag กันหน่อย เริ่มจากของซุปตาร์ Cheryl Cole
- “How can I still be nervous about red carpets after 10 years.. Eeek!”
(“ฉันยังประหม่ากับงานพรมแดงได้ไงเนี่ย หลังจากที่เคยเดินบนนั้นมาแล้วตั้ง 10 ปี.. เจี๊ยก!”)

แล้วสมมติว่าถ้าเป็น humblebrag ของคนใกล้ตัวเราล่ะ
– “I am really disappointed. I only got 97% in my final exam.”
(ชั้นผิดหวังจริง ๆ เลย ตอนสอบไฟนอลชั้นทำได้แค่ 97 เปอร์เซ็นต์เอง”)


***Most Creative (คำที่สร้างสรรค์ที่สุด)***
- ‘Mellencamp’ (สว. กินเด็ก / แม่ปลาช่อน)
Mellencamp (เมลเลนแคมพ์) มีความหมายคล้าย ๆ กับสแลง cougar ที่หมายถึง “สาวใหญ่ไฟแรงสูงที่ชอบไปเที่ยวผับ จับเด็กหนุ่มเอ๊าะ ๆ” (โดยคุณลักษณะของ cougar หรือ “แม่เสือสาว” นั้น ได้แก่ สาวใหญ่อายุอานามราว 35+ ปี และยังดูดี เซ็กซี่ มีเสน่ห์ พริ้งเพรา เจ้าหล่อนนิยมคบหาเด็กหนุ่มวัยขบเผาะที่ยินดีตามอกตามใจเธอ)
**ขณะที่ Mellencamp นั้น ฝรั่งเขาให้นิยามว่า… เป็นสาวใหญ่กินเด็ก>>ที่มีอายุสูงขึ้นมาอีก (ราว ๆ 50+ ปี)*** ถ้าเปลี่ยนเป็นคำแผลงบ้านเรา ก็คงจะเรียกได้ว่า “สว. กินเด็ก” ประมาณนั้นล่ะครับ เอิ๊กๆๆ
ส่วนที่มาของคำว่า Mellencamp นั้น ก็มาจากร็อคเกอร์รุ่นเดอะชาวอเมริกานาม John Cougar Mellencamp นั่นเอง

**สรุปง่าย ๆ … Mellencamp คือ “สาววัย 50+ เลี้ยงต้อยเด็กหนุ่ม” 
ส่วน cougar คือ “สาววัย 35+ เลี้ยงต้อยเด็กหนุ่ม”***

***Most Likely To Succeed (คำที่มีอนาคตที่สุด)***
- ‘cloud’ (ระบบคลาวด์)
cloud (เคลาด์) คือระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ที่มีศักยภาพสูงทั้งในแง่การประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล และให้บริการภายในเครือข่ายได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง

เท่าที่ผู้เขียนเข้าใจ ผู้ใช้บริการที่อยู่ภายใต้ระบบคลาวด์ (ที่เหมือนอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน) จะใช้บริการอินเตอร์เน็ตจากที่ไหนก็ได้ และไม่ต้องมากังวลในเรื่องทรัพยากรอ ย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์จัดเก็บข้อมูล หรือการลงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค, สมาร์ทโฟน ฯลฯ เพราะในระบบคลาวด์จะมีบริการทุกอย่างให้เสร็จสรรพครบวงจร (ยกตัวอย่างง่ายๆ ในอนาคตต่อไป เวลาเราจะเซฟข้อมูล เราก็ไม่จำเป็นต้องเซฟลงฮาร์ดดิสก์หรือทัมบ์ไดรฟ์อีก เราสามารถจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดผ่านระบบคลาวด์ได้เลย ก็คล้าย ๆ กับเว็บอีเมลฟรีอย่างเช่น Hotmail, Yahoo! นั่นแหละครับ)


***Most Outrageous (คำที่แรงที่สุด)***
- ‘assholocracy’ (ทุนนิยมสามานย์ / ลัทธิอุบาทว์)
assholocracy (แอสโฮโลคราซี) เป็นคำที่ใช้เหน็บแนมระบอบทุนนิยมที่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของพวกนายทุนอภิมหาเศรษฐีจอมเอารัดเอาเปรียบ
โดย assholocracy เป็นคำใหม่ที่ผนวกคำว่า ‘asshole’ (คนชั่วช้า) กับ ‘ocracy’ (ระบอบการปกครอง)


No comments:

Post a Comment